แปลปฐมพุทธอุทาน
เมื่อเรายังค้นคว้าหานายช่างผู้ปรุงแต่งเรือนไม่พบ
เราจึงต้องเวียนว่ายเกิดตายบ่อยๆ นับชาติไม่ถ้วน,
เพราะการที่เราต้องเกิดบ่อยๆ ล้วนแต่เป็นทุกข์,
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจึงค้นคว้าหาท่านอยู่.
แน่ะนายช่างผู้ปรุงแต่งเรือน เราได้ค้นพบท่านแล้ว,
ท่านจะปรุงแต่งเรือนอีกไม่ได้,
ซี่โครงทุกซี่ของท่านเราหักเสียแล้ว,
จิตของเราไม่ปรุงแต่งยอดเรือนอีกต่อไปแล้ว,
จิตของเราเข้าถึงสภาวะไม่ปรุงแต่งแล้ว,
เพราะเราบรรลุธรรมที่หมดสิ้นตัณหาแล้ว.
(แน่ะนายช่างผู้ปรุงแต่งเรือน เราได้ค้นพบท่านแล้ว
เพราะเราค้นคว้าเห็นยอดเรือนคือความไม่รู้ว่า
1. การที่เราต้องเกิดบ่อยๆ ล้วนแต่เป็นทุกข์,
2. การที่เรามีตัณหาปรุงแต่งเรือนบ่อยๆ เป็นเหตุแห่งทุกข์,
3. ถ้าจิตของเราเข้าถึงสภาวะไม่ปรุงแต่งเรือนใหม่แล้ว
ทุกข์ก็ไม่ถูกปรุงแต่งให้เกิดขึ้นใหม่เช่นกัน,
4. เมื่อเราค้นพบอวิชชาจนเห็นอริยสัจ 4 นี้แล้ว
เราจึงปฏิบัติการหักรานตัณหาไม่ให้ท่านปรุงแต่งได้อีก
เรือนใหม่ของเราจึงไม่เกิดอีก)
แปลคู่กับ มหาวคฺค,ปาฬิ 77 ปณฺเณ https://sutta.men/?th.r.7.77…สนฺธาวิ#hl
https://wiki.5000y.men/ฟุตโน้ต:29:24
แต่มีบางท่านอ่านอรรถกถาธรรมบท หรือ พจนานุกรม PTS
แล้วเข้าใจว่า แปล อนิพฺพิสํ ว่า "เราไม่ได้ญาณ, เรายังไม่พบญาณ"
อธิบายว่า ในบาลีแปลว่า "เมื่อเรายังไม่(ได้ญาณ)ค้นพบ นายช่างผู้ปรุงแต่งเรือน,
อรรถกถาจึงเอาจิตที่แทงตลอดมาขยายว่า ที่ในบาลีแปลว่า "ไม่ค้นพบ" คือ ยังไม่ได้ญาณช่วยให้ค้นพบ (ค้นพบนายช่างผู้ปรุงแต่งเรือน),
ฉะนั้นถ้าแปลบาลี อนิพฺพิสํ ว่า "เราไม่ได้ญาณ, เรายังไม่พบญาณ" จะทำให้นักเรียนบาลีสับสนเพราะ
- ถ้าจะคิดง่ายๆ เลย คือ เยน ญาเณน ในอรรถกถา ทำให้ ตํ ญาณํ ในอรรถกถา กลายเป็นการณะของ ทฏฺฐุํ ในอรรถกถา ซึ่งกำลังสื่อถึง ทิฏฺโฐสิ ในบาลี และคำว่า ทิฏฺโฐสิ นี้ ก็เป็นคำตรงกันข้ามของ อนิพฺพิสํ ที่แปลว่า เรายังค้นไม่พบ.
- ในบาลี Subject กับ Verb คือ อนิพฺพิสํ แสดงไว้ในบทที่ 2, ส่วน Object คือ คหาการํ แสดงในบทที่ 3
- ในอรรถกถา จึงอธิบายแค่ อนิพฺพิสํ ในบทที่ 2 โดยไม่ได้ยก Object มา
- คนแปลบางท่านอ่านอรรถกถาที่ว่า อนิพฺพิสํ ตํ ญาณํ อวินฺทนฺโต อลพฺภนฺโต ก็เลยเข้าใจว่า อรรถกถาขยาย Object ว่า ตํ ญาณํ
- แต่จริงๆ "ตํ ญาณํ" อรรถกถาไม่ได้ขยายว่าเป็น Object แต่กำลังเชื่อมประโยค "เยน ญาเณน" กับ "ตํ ญาณํ" ที่ท่านแสดงไว้ในการขยายความบทที่ 2 เช่นเดียวกันว่า "พระโพธิสัตว์จะหาตัณหาพบด้วยญาณใด…, เมื่อไม่แทงตลอด ไม่ได้ญาณนั้น"
- ส่วน Object อรรถกถาดึงมาจากบทที่ 3 โดยให้ขึ้นเป็นส่วนแรกของการอธิบายสภาวะทั้งหมดนี้ [เพราะบาลีเป็นอุปมาอุปไมย] เพราะไปคู่กับ Subject หลักในบาลี คือ คเวสนฺโต, เมื่อจะอธิบายอุปมาให้ง่าย จึงยก Object กับ Subject ขึ้นมาอย่างนี้ แล้วค่อยเอา Complement มาขยายสภาวะให้เห็น.
Note
- Subject กตฺตา, ประธานของประโยค
- Object กมฺม, กรรมของประโยค
- Complement ส่วนขยายอื่นๆ ที่เหลือในประโยค