ฟุตโน้ต:153:421

(วิสุทธิ.มหาฏี.มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธินิทเทสวัณณนา)

ในเรื่องลักษณะ 50 แห่งขันธ์นั้น บางท่านกล่าวว่า "การเห็นความเกิดและความเสื่อมแห่งอรูปขันธ์ด้วยสามารถแห่งอัทธา (ข้ามชาติ), และสันตติ (สืบเนื่องในชาติเดียวกัน) มิใช่ด้วยขณะ (ขณะปรมัตถ์ที่ไม่สืบเนื่องเป็นสันตติฆนะ)." ถ้าเอาตามมติของอาจารย์ท่านนี้ก็เท่ากับว่า การเห็นความเกิดความดับโดยขณะ (ปรมัตถ์) จะเป็นไปไม่ได้เลย. อีกท่านกล่าวว่า "1. เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นความเกิดความดับแห่งเวทนา(เป็นต้น)โดยปัจจัยนั้น ผู้ปฏิบัติไม่ได้เห็นอุปาทอนุขณะ คือ ผู้ปฏิบัติจะไม่เอาเวทนามาจำแนกออกเป็นเวทนาอดีตเป็นต้น แต่ผู้ปฏิบัติจะเห็นเวทนาโดยสาธารณะเหมือนกันหมดว่า เหตุที่เวทนายังเกิดอยู่ได้ ก็เพราะยังมีปัจจัยคืออวิชชาเป็นต้น. ผู้ปฏิบัติไม่ได้เห็นภังคอนุขณะ คือ ผู้ปฏิบัติจะเห็นเวทนาโดยสาธารณะเหมือนกันหมดว่า เหตุที่เวทนาเกิดไม่ได้อีก ก็เพราะไม่มีปัจจัยคืออวิชชาเป็นต้น. 2. เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นความเกิดความดับแห่งเวทนา(เป็นต้น)โดยขณะนั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นอุปาทอนุขณะและภังคอนุขณะแห่ง(เวทนาที่เป็นขณะ)ปัจจุบัน" ดังนี้. คำของอาจารย์ท่านนี้สมเหตุสมผล. อธิบายว่า เมื่อผู้ปฏิบัติมนสิการเอารูปธรรมและอรูปธรรมแบบสันตติปัจจุบัน โดยความเป็นสิ่งที่มีความเกิดมีความดับอยู่ ก็จะมีความเกิดความดับแบบขณะปัจจุบัน(ค่อยๆ)ปรากฎขึ้น เพราะญาณจะถึงขั้นที่บริสุทธิ์เฉียบแหลม เมื่อภาวนาต่อเนื่องตามลำดับจนมีกำลัง. ฉะนั้น ในขั้นต้น เมื่อผู้ปฏิบัติมนสิการความเกิดดับโดยปัจจัยอยู่ ผู้ปฏิบัติจึงต้องเอาขันธ์ที่มีความเกิดดับมาจำแนกปัจจยธรรมมีอวิชชาเป็นต้นเสียก่อน แล้วจึงจะมนสิการความเกิดดับแม้โดยขณะปัจจุบัน โดยใช้การเห็นความเกิดความดับ(แห่งขันธ์)โดยปัจจัยนั้นนั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้น.