**นี่คือเอกสารรุ่น/ฉบับเก่า**
ประสงค์จะแสดงความแปลกกันนั้น จึงตรัสพระพุทธพจน์มีอาทิว่า อโลโภ อพฺยากตมูลํ (อัพยากตะคืออโลภะ) ดังนี้. พระดำรัสใดแม้มิได้ตรัสไว้ พระดำรัสนั้น บัณฑิตพึงทราบอย่างนี้ว่าก็ความต่างกันแห่ง
- กรรมทวาร
- กรรมบถ
- บุญกิริยาวัตถุ
อันใดที่ตรัสไว้ในกามาวจรกุศลทั้งหลาย ความต่างกันอันนั้นไม่มีในมหาวิบาก 8 เหล่านี้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
- (ไม่มีกรรมทวาร) เพราะมหาวิบาก 8 ให้วิญญัติเกิดไม่ได้,
- (ไม่มีกรรมบถ) เพราะมหาวิบากไม่มีวิบากเป็นธรรมดา,
- และ (ไม่มีบุญกิริยาวัตถุ) เพราะในมหาวิบากบุญกิริยาวัตถุไม่ได้เป็นไปเหมือนในกามาวจรกุศล
กรุณาและมุทิตาแม้เหล่าใดที่ตรัสไว้ในเยวาปนกธรรมทั้งหลาย กรุณาและมุทิตานั้นก็ไม่มีอยู่ในวิบากทั้งหลาย เพราะมีสัตว์เป็นอารมณ์. ด้วยว่า กามาวจรวิบากทั้งหลายเป็นปริตตารมณ์อย่างเดียว. มิใช่กรุณาและมุทิตาเท่านั้นไม่มี แม้วิรตีทั้งหลายก็ไม่มีในวิบากเหล่านี้ ข้อนี้สมจริงดังที่ตรัสว่า สิกขาบท 5 เป็นกุศลเท่านั้น.
ก็ในมหาวิบากนี้ พึงทราบวิธีของธรรม ที่เป็นอสังขาร (ไม่มีการชักจูง) สสังขาร (มีการชักจูง) โดยกุศล และโดยความต่างแห่งปัจจัย.
จริงอยู่ กุศลเป็นอสังขาริก วิบากก็เป็นอสังขาริก กุศลเป็นสสังขาริก วิบากก็เป็นสสังขาริก. อนึ่ง วิบากที่เป็นอสังขาริกเกิดขึ้นด้วยปัจจัยที่มีกำลัง วิบากที่เกิดขึ้นด้วยปัจจัยนอกนี้เป็นสสังขาริก. แม้ในความต่างกันแห่งความเลว เป็นต้น มหาวิบากเหล่านี้ย่อมไม่ชื่อว่าเลว ปานกลาง และประณีต เพราะ ความที่วิบากไม่ได้ถูกทำให้สำเร็จด้วยธรรมมีฉันทะเป็นต้นที่เลว ปานกลาง และประณีต. แต่ว่าวิบากของกุศลที่เลวก็ย่อมเลว วิบากของกุศลปานกลางก็ย่อมเป็นปานกลาง วิบากของกุศลที่ประณีตก็ย่อมเป็นของประณีต. ในวิบากเหล่านี้ แม้ธรรมที่เป็นอธิบดีทั้งหลาย ก็มิได้มี. ข้อนี้เป็นเพราะเหตุไร ? เพราะความที่วิบากเหล่านี้