ฟุตโน้ต:28:2

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

ลิงค์ไปยังการเปรียบเทียบนี้

การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า
การแก้ไขถัดไป
การแก้ไขก่อนหน้า
ฟุตโน้ต:28:2 [2025/03/10 08:24] dhammaฟุตโน้ต:28:2 [2025/03/12 06:42] (ฉบับปัจจุบัน) – [พระอาจารย์ C:] dhamma
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
 [[https://www.facebook.com/charan.thoong/posts/pfbid02TzW6p7DAi7ZWxPTAXbPsJm5f3TpN6qnbKDStQYKxgUG3oFnMLMPb86fjZekeL9xWl?__cft__[0]=AZVGZDXgALEtcCL_ahBGHRKn80MITaVAQ7t5AsVdvKDxXCj5wClF2HiH3YquS2VjG2qVb32ZBYcv3TplPRv1xcg_w96pOXQVMcqvQMv_Mvbxd4ltCdJOipLSYDZjQNKiJ20&__tn__=%2CO%2CP-R|โพสต์ที่มา]] [[https://www.facebook.com/charan.thoong/posts/pfbid02TzW6p7DAi7ZWxPTAXbPsJm5f3TpN6qnbKDStQYKxgUG3oFnMLMPb86fjZekeL9xWl?__cft__[0]=AZVGZDXgALEtcCL_ahBGHRKn80MITaVAQ7t5AsVdvKDxXCj5wClF2HiH3YquS2VjG2qVb32ZBYcv3TplPRv1xcg_w96pOXQVMcqvQMv_Mvbxd4ltCdJOipLSYDZjQNKiJ20&__tn__=%2CO%2CP-R|โพสต์ที่มา]]
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
 จำนวนตัวอักษร ที่ยังไม่ปรากฏทางใจ ยิ่งมากยิ่งทำลายสมาธิ เพราะเป็นสีในกามคุณ 5. แค่ท่องจำศีล 5 ให้ปรากฏทางใจ เพื่อปิดทวาร 5 อรรถกถาก็จะเหลือแค่ ...  จำนวนตัวอักษร ที่ยังไม่ปรากฏทางใจ ยิ่งมากยิ่งทำลายสมาธิ เพราะเป็นสีในกามคุณ 5. แค่ท่องจำศีล 5 ให้ปรากฏทางใจ เพื่อปิดทวาร 5 อรรถกถาก็จะเหลือแค่ ... 
  
-* [[sutta>ปาณาติปาต(th.r.107.365.1.4)]]  +* [[sutta>ปาณาติปาติ(th.r.82.13.0.14)|ปาณาติปาตา]]  
-** ("ปาณ"สทฺเท จ [[sutta>สมฺปตฺตวิรติสีล(th.r.82.13.0.14)]]สฺส [[sutta>ปจฺจุปฺปนฺนารมฺม(th.r.82.13.0.14)ณํ วุตฺตํ, อติปาตาติปเท จ [[sutta>เวรมณิ(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>เจตนา(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>สุสีลฺย(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>สิกฺขาปทานีติ(th.r.107.365.1.4)|กุสลสิกฺขา]][[sutta>อุปฺปนฺนํ(th.r.50.298.0.8)|จิตฺตุปฺปาทสฺส]] [[sutta>สมฺปตฺต(th.r.82.13.0.14)]]วเสน** [[sutta>เวรเจตนา(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>ทุสฺสีลฺย(th.r.107.365.1.4)]]อกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส อนุปฺปตฺตํ วุตฺตํ) +** ("ปาณ"สทฺเท [[sutta>สมฺปตฺตวิรติสีล(th.r.82.13.0.14)]]สฺส [[sutta>ปจฺจุปฺปนฺนารมฺม(th.r.82.13.0.14)ณํ วุตฺตํ, อติปาตาติปเท [[sutta>เวรมณิ(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>เจตนา(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>สุสีลฺย(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>สิกฺขาปทานีติ(th.r.107.365.1.4)|กุสลสิกฺขา]][[sutta>อุปฺปนฺนํ(th.r.50.298.0.8)|จิตฺตุปฺปาทสฺส]] [[sutta>สมฺปตฺต(th.r.82.13.0.14)]]วเสน [[sutta>เวรเจตนา(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>ทุสฺสีลฺย(th.r.107.365.1.4)]]อกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส อนุปฺปตฺตํ วุตฺตํ) 
 * เวรมณิ * เวรมณิ
 ** ([[sutta>สมฺปตฺตวิรตีสีล(th.r.82.13.0.14)]]) ** ([[sutta>สมฺปตฺตวิรตีสีล(th.r.82.13.0.14)]])
บรรทัด 12: บรรทัด 12:
 ** (อันเป็นพื้นฐานฝึกตน)  ** (อันเป็นพื้นฐานฝึกตน) 
 * สมาทิยามิ * สมาทิยามิ
-** (สมฺมาวาจา-สมฺมากมฺมนฺต-สมฺมาอาชีวอธิสีลสิกฺขาปทฏฺฐานวเสน ตํ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา สมฺปตฺตวิรติํ วิสยุตฺตสมาทานเจตนาวเสน สมฺมา อาทิยามิ). +** (สมฺมาวาจา-สมฺมากมฺมนฺต-สมฺมาอาชีวอธิสีลสิกฺขาปทฏฺฐานวเสน ตํ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา สมฺปตฺตวิรติํ [[sutta>วรมณ(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>เจตนา(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>ุสีลฺย(th.r.107.365.1.4)]][[sutta>สิกฺขาปทานีติ(th.r.107.365.1.4)|กสลสิกฺขา]][[sutta>อุปฺปนฺนํ(th.r.50.298.0.8)|จิตฺตุปฺปาทสฺส]] [[sutta>สมาทาน(th.r.82.13.0.14)]]วเสน สมฺมา [[sutta>อาทิยามิ(th.r.82.13.0.14)]]). 
  
 ส่วนที่บอกว่า วิรตี มีอารมณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น ท่านหมายเอาสมฺปตฺตวิรตี ใน อภิ.สิกฺขาปทวิภงฺคเท่านั้น ไม่รวมสมาทานวิรตี เพราะบาลีใน อภิ.วิ. ไม่มีคำว่า "สมาทิยามิ". จะเห็นว่า ไม่เหลือความสงสัยเลย. เพราะฉะนั้น การนั่งสมาธิ หรือการทำปาฬิที่ท่องจำไว้ให้เป็นวิมุตตายตนะ โดยการเรียนจากผู้ทรงจำพระไตรปิฎก ที่เคร่งครัดในพระกรรมฐาน มีความสำคัญมาก ที่จะทำให้เรียนได้ว่องไว. อนึ่ง จริงๆ ไม่แนะนำให้ใส่คำว่าเจตนาเข้ามา เพราะคำว่าเจตนาในอรรถกถา ไม่ได้มีความหมายเท่ากับ สมาทิยามิ. ส่วนที่บอกว่า วิรตี มีอารมณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น ท่านหมายเอาสมฺปตฺตวิรตี ใน อภิ.สิกฺขาปทวิภงฺคเท่านั้น ไม่รวมสมาทานวิรตี เพราะบาลีใน อภิ.วิ. ไม่มีคำว่า "สมาทิยามิ". จะเห็นว่า ไม่เหลือความสงสัยเลย. เพราะฉะนั้น การนั่งสมาธิ หรือการทำปาฬิที่ท่องจำไว้ให้เป็นวิมุตตายตนะ โดยการเรียนจากผู้ทรงจำพระไตรปิฎก ที่เคร่งครัดในพระกรรมฐาน มีความสำคัญมาก ที่จะทำให้เรียนได้ว่องไว. อนึ่ง จริงๆ ไม่แนะนำให้ใส่คำว่าเจตนาเข้ามา เพราะคำว่าเจตนาในอรรถกถา ไม่ได้มีความหมายเท่ากับ สมาทิยามิ.
  
- 
------------------ 
-==คำที่น่าจะเป็นต้นเรื่อง== 
- 
-อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา (วิภ. 704) นเยน วิภงฺเค วุตฺตาฯ กามญฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน [[sutta>สมาทิยามีติ วุตฺตตฺตา สมาทานวเสน ปวตฺตารหา(th.r.82.13.0.14.0)]], ตสฺมา สา น โหตีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรตีติ วุตฺตาฯ 
 ----------------- -----------------
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 วิรัติที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจสมาทาน ชื่อว่า สมาทานวิรัติ (สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ) ฯ องค์ธรรม คือ วิรตีเจตสิก ได้แก่ วิรตีสัมมาวาจา วิรตีสัมมากัมมันตะ วิรตีสัมมาอาชีวะ มีชื่อว่า วิรัติศีล, ตัววิรัติ(สภาวะที่งดเว้น) เป็นสิกขาบทโดยตรง(นิปฺปริยายสิกฺขาปท) ฯ วิรัติที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจสมาทาน ชื่อว่า สมาทานวิรัติ (สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ) ฯ องค์ธรรม คือ วิรตีเจตสิก ได้แก่ วิรตีสัมมาวาจา วิรตีสัมมากัมมันตะ วิรตีสัมมาอาชีวะ มีชื่อว่า วิรัติศีล, ตัววิรัติ(สภาวะที่งดเว้น) เป็นสิกขาบทโดยตรง(นิปฺปริยายสิกฺขาปท) ฯ
บรรทัด 28: บรรทัด 23:
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
 จำนวนตัวอักษร ที่ยังไม่ปรากฏทางใจ ยิ่งมากยิ่งทำลายสมาธิ เพราะเป็นสีในกามคุณ 5. แค่ท่องจำศีล 5 ให้ปรากฏทางใจ เพื่อปิดทวาร 5 อรรถกถาก็จะเหลือแค่ ... ปาณาติปาตา(อารมฺมนวเสน ปจฺจุปนฺนารมฺมณํ จ อนุปฺปตฺตวเสน อกุสลโต จ) เวรมณิ(สมปตฺตวิรตี)สิกฺขาปทํ(อันเป็นพื้นฐานฝึกตน) สมาทิยามิ(สมฺมาวาจา-สมฺมากมฺมนฺต-สมฺมาอาชีวอธิสีลสิกฺขาปทฏฺฐานวเสน ตํ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา สมฺปตฺตวิรติํ วิรติสมฺปยุตฺตสมาทานเจตนาวเสน สมฺมา อาทิยามิ). ส่วนที่บอกว่า วิรตี มีอารมณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น ท่านหมายเอาสมฺปตฺตวิรตี ใน อภิ.สิกฺขาปทวิภงฺคเท่านั้น ไม่รวมสมาทานวิรตี เพราะบาลีใน อภิ.วิ. ไม่มีคำว่า "สมาทิยามิ". จะเห็นว่า ไม่เหลือความสงสัยเลย. เพราะฉะนั้น การนั่งสมาธิ หรือการทำปาฬิที่ท่องจำไว้ให้เป็นวิมุตตายตนะ โดยการเรียนจากผู้ทรงจำพระไตรปิฎก ที่เคร่งครัดในพระกรรมฐาน มีความสำคัญมาก ที่จะทำให้เรียนได้ว่องไว. อนึ่ง จริงๆ ไม่แนะนำให้ใส่คำว่าเจตนาเข้ามา เพราะคำว่าเจตนาในอรรถกถา ไม่ได้มีความหมายเท่ากับ สมาทิยามิ. จำนวนตัวอักษร ที่ยังไม่ปรากฏทางใจ ยิ่งมากยิ่งทำลายสมาธิ เพราะเป็นสีในกามคุณ 5. แค่ท่องจำศีล 5 ให้ปรากฏทางใจ เพื่อปิดทวาร 5 อรรถกถาก็จะเหลือแค่ ... ปาณาติปาตา(อารมฺมนวเสน ปจฺจุปนฺนารมฺมณํ จ อนุปฺปตฺตวเสน อกุสลโต จ) เวรมณิ(สมปตฺตวิรตี)สิกฺขาปทํ(อันเป็นพื้นฐานฝึกตน) สมาทิยามิ(สมฺมาวาจา-สมฺมากมฺมนฺต-สมฺมาอาชีวอธิสีลสิกฺขาปทฏฺฐานวเสน ตํ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา สมฺปตฺตวิรติํ วิรติสมฺปยุตฺตสมาทานเจตนาวเสน สมฺมา อาทิยามิ). ส่วนที่บอกว่า วิรตี มีอารมณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น ท่านหมายเอาสมฺปตฺตวิรตี ใน อภิ.สิกฺขาปทวิภงฺคเท่านั้น ไม่รวมสมาทานวิรตี เพราะบาลีใน อภิ.วิ. ไม่มีคำว่า "สมาทิยามิ". จะเห็นว่า ไม่เหลือความสงสัยเลย. เพราะฉะนั้น การนั่งสมาธิ หรือการทำปาฬิที่ท่องจำไว้ให้เป็นวิมุตตายตนะ โดยการเรียนจากผู้ทรงจำพระไตรปิฎก ที่เคร่งครัดในพระกรรมฐาน มีความสำคัญมาก ที่จะทำให้เรียนได้ว่องไว. อนึ่ง จริงๆ ไม่แนะนำให้ใส่คำว่าเจตนาเข้ามา เพราะคำว่าเจตนาในอรรถกถา ไม่ได้มีความหมายเท่ากับ สมาทิยามิ.
บรรทัด 34: บรรทัด 29:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol บาลีนี้ บอลยกมาจากเล่มไหนน้อ+@อุบาสก B  บาลีนี้ บอลยกมาจากเล่มไหนน้อ
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ฯ ตตฺถ สภาวโต ปญฺจปิ เจตนาโยปิ โหนฺติ วิรติโยปิ, วิรติวเสน ปน เทสนา อาคตา. ในคำว่า ปาณาติปาตาเวรมณีเป็นต้นนั้น สิกขาบทแม้ทั้ง 5 ข้อ ว่าโดยองค์ธรรม ได้แก่ เจตนาก็ได้ วิรตีก็ได้ แต่เทสนากล่าวถึงวิรตี ฯ กามญฺเจตฺถ ปาฬิยํ วิรติโยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภงฺเค ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทสฺสิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต "เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปี" วิรตีเจตสิกมาในพระบาลีโดยตรงอยู่แล้ว แต่ในสิกขาบทวิภังค์ พระองค์ทรงยกเจตนามากล่าวด้วย ดังนั้น พระอรรถกถาจารย์เมื่อจะระบุทั้งสอง จึงกล่าวว่า ได้ทั้งเจตนาและวิรตี+@อุบาสก B  ฯ ตตฺถ สภาวโต ปญฺจปิ เจตนาโยปิ โหนฺติ วิรติโยปิ, วิรติวเสน ปน เทสนา อาคตา. ในคำว่า ปาณาติปาตาเวรมณีเป็นต้นนั้น สิกขาบทแม้ทั้ง 5 ข้อ ว่าโดยองค์ธรรม ได้แก่ เจตนาก็ได้ วิรตีก็ได้ แต่เทสนากล่าวถึงวิรตี ฯ กามญฺเจตฺถ ปาฬิยํ วิรติโยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภงฺเค ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทสฺสิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต "เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปี" วิรตีเจตสิกมาในพระบาลีโดยตรงอยู่แล้ว แต่ในสิกขาบทวิภังค์ พระองค์ทรงยกเจตนามากล่าวด้วย ดังนั้น พระอรรถกถาจารย์เมื่อจะระบุทั้งสอง จึงกล่าวว่า ได้ทั้งเจตนาและวิรตี
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-[[sutta>สมฺปตฺตวิรต(th.r.85.211.0.15)]]+[[sutta>สมฺปตฺตวิรติ,อิติวุตฺตกวณฺณนายํ(th.r.85.211.0.15)]]
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya +==พระอาจารย์ C:==  
- +(ฏี. [[sutta>สมาทานวิรต(th.r.131.141.0.4)]] 
-[[สมปตฺตวิรต(th.r.131.141.0.4)]] +อ. [[sutta>สมาทานวิรตีติ(th.r.74.138.0.2)]]
- +
-May be an image of text that says 'Book Chattha Sangayana CD -[Nidanavagga-Tika] Search View Window Help A Thai 3. ธาุสบุคุด อสมาทินุนสีลสุส สมุปดุดโด ยถอุปฏุจิวิติกมิดพุวดุณิต วิรติ สมุปทุฑ- วิรติต สุมาทาเนน อุปุปนนา วิรติ สมาทานวิรติฯ กิเลสาน์ สมุจุฉินทนวเสน ปวดุดา คุดสมฺปยุตุตา วิรติ สมุจุเคทวิรติฯ กามณุเจดุถ ปาฬิย์ วิรดิโยว อาคตา, สิกยาปทริภงุเค ปน เจตนาบิ อาหริุวา ทสสิตาติ ตทุภยมุปี คณหนุโต "เจตนาบิ วฎฎนติ วิรติโยปี ติ อาหฯ อทุสสีลุยารมุมณา ชีวิตินุทุริยาทิอารมฺุมณา กถ ทุสสีลยานิ ปชหนุดีติ ทสเสตุ๋ "ยดา ปนา" "ดิอาทิ วุตุดฯ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณวเสน ปวดุตนโด ตาการมฺมณภาเวนว ตานิ ปหนุดิย น หิ ตทว อารพุภ ต ปชหิต่๋ สกฺกา ตโด อนิสุสฎภาวโดย อนภิชณาฯเปฯ วิรมนุตสุสาติ อภิชุณิ ปชหนุตสุสาติ อตุโถฯ น и มโนทุจจ- ริตโด วิรติ อตุถิ อนภิชถททีเหว ตปุปหานสิทุธิฺโดฯ ปญจสิกขาปทสุตุตทิวณุณนา นิภุจิตาฯ ® Selecte... X I VRI->2 126 MYANMAR-2.145 ROMAN- THAIS OTHER> 1/3/2568'+
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:==  
 +[[sutta>พยญฺชนโต,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]]
  
-Bonn Warapol อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส "ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโตติ เอวมาทินา นเยน วิภงฺเค วุตฺตา. ว่าโดยสภาวะแล้ว คำว่า เวรมณี ก็คือ วิรตีเจตสิก ซึ่งสัมปยุตกับกามาวจรกุศลจิต วิรตีนั้น พระองค์ตรัสไว้ในคัมภีร์วิภังค์ โดยนัยเป็นต้นอย่างนี้ว่า การงด การเว้น การงดออกห่าง การกำจัดเวร การไม่ประพฤติ ไม่กระทำ ไม่ละเมิด ไม่ล่วงศีล ชักสะพานออกเสีย (ตัดไฟแต่ต้นลม) ในสมัยนั้น ของบุคคลผู้งดเว้นจากปาณาติบาต+@อุบาสก B  อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส "ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโตติ เอวมาทินา นเยน วิภงฺเค วุตฺตา. ว่าโดยสภาวะแล้ว คำว่า เวรมณี ก็คือ วิรตีเจตสิก ซึ่งสัมปยุตกับกามาวจรกุศลจิต วิรตีนั้น พระองค์ตรัสไว้ในคัมภีร์วิภังค์ โดยนัยเป็นต้นอย่างนี้ว่า การงด การเว้น การงดออกห่าง การกำจัดเวร การไม่ประพฤติ ไม่กระทำ ไม่ละเมิด ไม่ล่วงศีล ชักสะพานออกเสีย (ตัดไฟแต่ต้นลม) ในสมัยนั้น ของบุคคลผู้งดเว้นจากปาณาติบาต
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol+@อุบาสก B 
 [[sutta>พยญฺชนโต,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]] [[sutta>พยญฺชนโต,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]]
 May be an image of text May be an image of text
บรรทัด 74: บรรทัด 68:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ยา ปน สิกฺขาปทานิ สมาทิ ยนฺตสฺส วา อธิฏฺฐหนฺตสฺส วา ยถาสมาทินฺนานิ วา ยถาธิฏฺฐิตานิ วา สุฏฺฐุ รกฺขามีติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อนติกฺกมนฺตสฺส วา อุปฺปนฺนา, อยํ สมาทานวิรติ นาม. สา ปน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา วา โหติ อนาคตารมฺมณา วา. สมาทานวิรัติ คือ วิรตีที่เกิดขึ้นแก่ผู้สมาทานสิกขาบทหรืออธิษฐานเอง หรือไม่ล่วงละเมิดอารมณ์ที่มาถึง โดยดำริว่า เราจะรักษาสิกขาบทตามที่สมาทานหรืออธิษฐานดีแล้ว สมาทานวิรัติมีอารมณ์เป็นปัจจุบันหรืออนาคตก็ได้+@อุบาสก B  ยา ปน สิกฺขาปทานิ สมาทิ ยนฺตสฺส วา อธิฏฺฐหนฺตสฺส วา ยถาสมาทินฺนานิ วา ยถาธิฏฺฐิตานิ วา สุฏฺฐุ รกฺขามีติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อนติกฺกมนฺตสฺส วา อุปฺปนฺนา, อยํ สมาทานวิรติ นาม. สา ปน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา วา โหติ อนาคตารมฺมณา วา. สมาทานวิรัติ คือ วิรตีที่เกิดขึ้นแก่ผู้สมาทานสิกขาบทหรืออธิษฐานเอง หรือไม่ล่วงละเมิดอารมณ์ที่มาถึง โดยดำริว่า เราจะรักษาสิกขาบทตามที่สมาทานหรืออธิษฐานดีแล้ว สมาทานวิรัติมีอารมณ์เป็นปัจจุบันหรืออนาคตก็ได้
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-[[ปรมตฺถทีปนียํ(?th.r.163.106.1)]]+[[sutta>ปรมตฺถทีปนียํ(?th.r.163.106.1)]]
 May be an image of text May be an image of text
  
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
-Charan Buddhappiya บาลีนั้นผมก็อปอรรถกถามาเรียบเรียงใหม่ครับ ถ้าอธิบายเป็นภาษาไทยประโยคยาวแล้วจะทำให้เข้าใจผิด, เนื้อหาเท่ากับอรรถกถานั่นแหละครับ. ส่วนเรื่องเจตนา ท่านได้บอกแล้วว่า แสดงไว้โดยสภาวะ, ไม่ใช่โดยเทศนา, และสถานที่ที่แสดงคือสิกขาบทวิภังค์ ก็เท่ากับว่าอรรถกถาบอกว่าไม่ต้องแปล (เดี๋ยวจะงง) ท่านมุ่งหมายไม่ให้สับสนกับสิกขาบทวิภังค์ ไม่ได้ต้องการจะให้แปล. เจตนาในสิกขาบทวิภังค์และอรรถกถา ท่านบอกว่า ต้องการสื่อถึง ทุสฺสีลยเจตนา/เวรเจตนา ที่มาคู่กับ เวรมณี, #ไม่ใช่เจตนาวิรัติ ที่คู่ สัมปัตตวิรัติ (คู่นี้ของสิกขาปทปาฐะอรรถกถา ไม่ใช่สิกขาปทวิภังค์) และในตอนท้ายอรรถกถาก็ย้ำอีกว่า สิกขาบทวิภังค์เป็นสัมปัตตวิรัติทั้งหมด. แต่สมาทิยามิ คือจิตตุปบาทที่ถือเอาการวิรัติมาฝึก จะเรียกสมาทานวิรัติก็ได้ แต่องค์ธรรมของคำว่า อาทิยามิ มันหนักไปทางโยนิโสมนสิการจิตตุปบาทมากกว่าวิรตี ถ้าไปแปลว่า ข้าพเจ้าขอวิรัติซึ่งวิรัติ มันไม่ได้ครับ, แต่ถ้าแปลว่า ข้าพเจ้าขอถือเอาการวิรัติ อย่างนี้ได้.+@พระอาจารย์ C  บาลีนั้นผมก็อปอรรถกถามาเรียบเรียงใหม่ครับ ถ้าอธิบายเป็นภาษาไทยประโยคยาวแล้วจะทำให้เข้าใจผิด, เนื้อหาเท่ากับอรรถกถานั่นแหละครับ. ส่วนเรื่องเจตนา ท่านได้บอกแล้วว่า แสดงไว้โดยสภาวะ, ไม่ใช่โดยเทศนา, และสถานที่ที่แสดงคือสิกขาบทวิภังค์ ก็เท่ากับว่าอรรถกถาบอกว่าไม่ต้องแปล (เดี๋ยวจะงง) ท่านมุ่งหมายไม่ให้สับสนกับสิกขาบทวิภังค์ ไม่ได้ต้องการจะให้แปล. เจตนาในสิกขาบทวิภังค์และอรรถกถา ท่านบอกว่า ต้องการสื่อถึง ทุสฺสีลยเจตนา/เวรเจตนา ที่มาคู่กับ เวรมณี, #ไม่ใช่เจตนาวิรัติ ที่คู่ สัมปัตตวิรัติ (คู่นี้ของสิกขาปทปาฐะอรรถกถา ไม่ใช่สิกขาปทวิภังค์) และในตอนท้ายอรรถกถาก็ย้ำอีกว่า สิกขาบทวิภังค์เป็นสัมปัตตวิรัติทั้งหมด. แต่สมาทิยามิ คือจิตตุปบาทที่ถือเอาการวิรัติมาฝึก จะเรียกสมาทานวิรัติก็ได้ แต่องค์ธรรมของคำว่า อาทิยามิ มันหนักไปทางโยนิโสมนสิการจิตตุปบาทมากกว่าวิรตี ถ้าไปแปลว่า ข้าพเจ้าขอวิรัติซึ่งวิรัติ มันไม่ได้ครับ, แต่ถ้าแปลว่า ข้าพเจ้าขอถือเอาการวิรัติ อย่างนี้ได้.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ยสฺมา ปน น เกวลํ วิรติเยว สิกฺขาปทํ, เจตนาปิ สิกฺขาปทเมว, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ทุติยนโย ทสฺสิโต…ตตฺถ ทุวิธํ สิกฺขาปทํ ปริยายสิกฺขาปทํ นิปฺปริยายสิกฺขาปทญฺจ. ตตฺถ วิรติ นิปฺปริยายสิกฺขาปทํ. สา หิ "ปาณาติปาตา เวรมณี"ติ ปาฬิยํ อาคตา, โน เจตนา. วิรมนฺโต จ ตาย เอว ตโต ตโต วิรมติ, น เจตนาย. เจตนํ ปน อาหริตฺวา ทสฺเสสิ. ก็เพราะมิใช่แต่วิรัติเท่านั้นที่เป็นสิกขาบท แม้เจตนาก็เป็นสิกขาบทเช่นกัน ดังนั้น พระองค์หวังจะแสดงเจตนานั้น จึงแสดงนัยที่ ๒… ในสิกขาบทวิภังค์นั้น สิกขาบทมี ๒ อย่างคือ สิกขาบทโดยตรง และสิกขาบทโดยอ้อม บรรดา ๒ อย่างนั้น วิรัติ เป็นสิกขาบทโดยตรง ดังที่มาในพระบาลีว่า ปาณาติปาตา เวรมณี, ไม่ใช่เจตนา และบุคคลเมื่อจะงดเว้น ย่อมงดเว้นจากอารมณ์นั้นๆได้ ด้วยวิรัตินั้น หางดเว้นได้ด้วยเจตนาไม่ แต่กระนั้น พระองค์ก็ทรงนำเจตนามาแสดงแล้ว..+@อุบาสก B  [[sutta>ยสฺมา ปน น เกวลํ วิรติเยว สิกฺขาปทํ(th.r.107.365.1.4)]], เจตนาปิ สิกฺขาปทเมว, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ทุติยนโย ทสฺสิโต…ตตฺถ ทุวิธํ สิกฺขาปทํ ปริยายสิกฺขาปทํ นิปฺปริยายสิกฺขาปทญฺจ. ตตฺถ วิรติ นิปฺปริยายสิกฺขาปทํ. สา หิ "ปาณาติปาตา เวรมณี"ติ ปาฬิยํ อาคตา, โน เจตนา. วิรมนฺโต จ ตาย เอว ตโต ตโต วิรมติ, น เจตนาย. เจตนํ ปน อาหริตฺวา ทสฺเสสิ. ก็เพราะมิใช่แต่วิรัติเท่านั้นที่เป็นสิกขาบท แม้เจตนาก็เป็นสิกขาบทเช่นกัน ดังนั้น พระองค์หวังจะแสดงเจตนานั้น จึงแสดงนัยที่ ๒… ในสิกขาบทวิภังค์นั้น สิกขาบทมี ๒ อย่างคือ สิกขาบทโดยตรง และสิกขาบทโดยอ้อม บรรดา ๒ อย่างนั้น วิรัติ เป็นสิกขาบทโดยตรง ดังที่มาในพระบาลีว่า ปาณาติปาตา เวรมณี, ไม่ใช่เจตนา และบุคคลเมื่อจะงดเว้น ย่อมงดเว้นจากอารมณ์นั้นๆได้ ด้วยวิรัตินั้น หางดเว้นได้ด้วยเจตนาไม่ แต่กระนั้น พระองค์ก็ทรงนำเจตนามาแสดงแล้ว..
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ตรงไหนคำว่า เวรมณี ในขุททกปาฐะท่านอธิบายว่าเป็น สัมปัตตวิรัติ+@อุบาสก B  ตรงไหนคำว่า เวรมณี ในขุททกปาฐะท่านอธิบายว่าเป็น สัมปัตตวิรัติ
 #อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส “ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา #อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส “ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา
 อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต”ติ เอวมาทินา (วิภ· ๗๐๔) นเยน วิภงฺเค วุตฺตา. กามญฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทิยามีติ วุตฺตตฺตา สมาทานวเสน ปวตฺตารหา, ตสฺมา สา น โหตีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรตีติ วุตฺตา. อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต”ติ เอวมาทินา (วิภ· ๗๐๔) นเยน วิภงฺเค วุตฺตา. กามญฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทิยามีติ วุตฺตตฺตา สมาทานวเสน ปวตฺตารหา, ตสฺมา สา น โหตีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรตีติ วุตฺตา.
บรรทัด 107: บรรทัด 101:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>เวรมณิสิกฺขาปทํ,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]] [[sutta>เวรมณิสิกฺขาปทํ,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]]
บรรทัด 115: บรรทัด 109:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol อภิธมฺมภาชนีเย ปเนตานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ วิรตีนํ วเสน นานปฺปการโต ปฐมวาเร วิภตฺตานิ, ตถา ทุติยวาเร เจตนาวเสน, วิรติเจตนาสมฺปยุตฺตา ปเนตฺถ ธมฺมา น สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาปทสมฺปยุตฺตา ปน โหนฺติ. ส่วนในอภิธรรมภาชนีย์ สิกขาบท ๕ เหล่านี้ พระองค์ทรงจำแนกไว้ในวาระแรก โดยประการต่างๆ ด้วยอำนาจวิรัติที่สัมปยุตกับกามาวจรกุศลจิต, เช่นเดียวกัน ทรงจำแนกไว้ในวาระที่สอง ด้วยอำนาจเจตนา, ส่วนธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตกับวิรัติและเจตนา ในเรื่องสิกขาบทนี้ ไม่ใช่ตัวสิกขาบท แต่เป็นสิ่งที่สัมปยุตกับสิกขาบท..+@อุบาสก B  อภิธมฺมภาชนีเย ปเนตานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ วิรตีนํ วเสน นานปฺปการโต ปฐมวาเร วิภตฺตานิ, ตถา ทุติยวาเร เจตนาวเสน, วิรติเจตนาสมฺปยุตฺตา ปเนตฺถ ธมฺมา น สิกฺขาปทานิ, สิกฺขาปทสมฺปยุตฺตา ปน โหนฺติ. ส่วนในอภิธรรมภาชนีย์ สิกขาบท ๕ เหล่านี้ พระองค์ทรงจำแนกไว้ในวาระแรก โดยประการต่างๆ ด้วยอำนาจวิรัติที่สัมปยุตกับกามาวจรกุศลจิต, เช่นเดียวกัน ทรงจำแนกไว้ในวาระที่สอง ด้วยอำนาจเจตนา, ส่วนธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตกับวิรัติและเจตนา ในเรื่องสิกขาบทนี้ ไม่ใช่ตัวสิกขาบท แต่เป็นสิ่งที่สัมปยุตกับสิกขาบท..
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>โมหวิจฺเฉทนิยํ(th.r.149.350.0.3)]] [[sutta>โมหวิจฺเฉทนิยํ(th.r.149.350.0.3)]]
บรรทัด 129: บรรทัด 123:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol สัมปัตตวิรัติ องค์ธรรมก็ไม่ใช่วิรตีเจตสิก แต่หิริและโอตัปปะเป็นต้นที่ทำให้งดได้เฉพาะหน้า ดังคำว่า ตตฺถ ยา สิกฺขาปทานิ อสมาทิยิตฺวา วา สมาทินฺนานิปิวา ตานิ อนเปกฺขิตฺวา เกวลํ หิริโอตฺตปฺปพเลเนว สมฺปตฺตํ วตฺถุํ อวีติกฺ กมนฺตานํ อุปฺปนฺนา วิรติ. อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม.+@อุบาสก B  สัมปัตตวิรัติ องค์ธรรมก็ไม่ใช่วิรตีเจตสิก แต่หิริและโอตัปปะเป็นต้นที่ทำให้งดได้เฉพาะหน้า ดังคำว่า ตตฺถ ยา สิกฺขาปทานิ อสมาทิยิตฺวา วา สมาทินฺนานิปิวา ตานิ อนเปกฺขิตฺวา เกวลํ หิริโอตฺตปฺปพเลเนว สมฺปตฺตํ วตฺถุํ อวีติกฺ กมนฺตานํ อุปฺปนฺนา วิรติ. อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม.
  
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
 1. สมาทานวิรตี (สมาทิยามิ) ในขุททกปาฐะ ไม่ใช่ เจตนา ในสิกขาปทวิภังครับ, เจตนาในวิกขาปทวิภังค์ เป็นสัมปัตตวิรตี (เวรณี สิกฺขาปทํ). 2. จุดที่พระอาจารย์ยกมา คือสิกขาบทวิภังค์ ซึ่งตัวบาลี(ที่ไม่ใช่มาติกา) แสดงเจตนา เป็นต้น ตรงๆ, แต่ตรงที่ผมยกมา คือในขุททกปาฐะด้วย ซึ่งไม่ได้แสดงสภาวะธรรมอย่างอื่นตรงๆ. การแปล 2 จุดนี้จึงไม่เหมือนกัน เพราะในวิภังค์ บาลีแสดงจิตฺตุปบาท มีศัพท์ที่ระบุเจตสิกอื่นๆตรงๆ ก็ต้องแปลตามที่มี. 3. เวลาแปล บาลีมีเท่าไหร่ ก็ควรแปลเท่านั้น อย่างในขุททกปาฐะที่ผมยกมา ถ้าบาลีมีแค่ เวรมณิ แต่ใส่เจตนา, ใส่หิริโอตัปปะ โดยไม่มีความจำเป็น ไม่ควร, เพราะที่แสดงโดยใช้ศัพท์นั้นๆ มีเหตุทั้งนั้น ไม่ใช่จะแปลใส่อะไรเข้าไป หรือยกเว้นอะไรก็ได้. 1. สมาทานวิรตี (สมาทิยามิ) ในขุททกปาฐะ ไม่ใช่ เจตนา ในสิกขาปทวิภังครับ, เจตนาในวิกขาปทวิภังค์ เป็นสัมปัตตวิรตี (เวรณี สิกฺขาปทํ). 2. จุดที่พระอาจารย์ยกมา คือสิกขาบทวิภังค์ ซึ่งตัวบาลี(ที่ไม่ใช่มาติกา) แสดงเจตนา เป็นต้น ตรงๆ, แต่ตรงที่ผมยกมา คือในขุททกปาฐะด้วย ซึ่งไม่ได้แสดงสภาวะธรรมอย่างอื่นตรงๆ. การแปล 2 จุดนี้จึงไม่เหมือนกัน เพราะในวิภังค์ บาลีแสดงจิตฺตุปบาท มีศัพท์ที่ระบุเจตสิกอื่นๆตรงๆ ก็ต้องแปลตามที่มี. 3. เวลาแปล บาลีมีเท่าไหร่ ก็ควรแปลเท่านั้น อย่างในขุททกปาฐะที่ผมยกมา ถ้าบาลีมีแค่ เวรมณิ แต่ใส่เจตนา, ใส่หิริโอตัปปะ โดยไม่มีความจำเป็น ไม่ควร, เพราะที่แสดงโดยใช้ศัพท์นั้นๆ มีเหตุทั้งนั้น ไม่ใช่จะแปลใส่อะไรเข้าไป หรือยกเว้นอะไรก็ได้.
บรรทัด 141: บรรทัด 135:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ถูกแล้ว หากพูดถึงเฉพาะ สมาทานวิรัติ ย่อมมุ่งหมายเอาเฉพาะวิรตีเจตสิก, แต่เมื่อพูดถึงตัวศีล,ตัวสิกขาบท ก็ได้สภาวะตามที่ปรากฏในสิกขาบทวิภังค์ อนึ่ง คำว่า เวรมณี ตามที่ปรากฏในขุททกปาฐะ ได้แก่ วิรตี เพราะมุ่งถึง สมาทานวิรัติ แต่ในที่อื่น ได้องค์ธรรมคือเจตนาด้วย ดังที่ท่านกล่าวรูปวิเคราะห์และขยายความว่า วิรมติ เอตายาติ เวรมณี วิรติ วุจฺจติ. สา มุสาวาทโต วิรมณสฺส การณภาวโต เจตนาปิ เวรสฺส มณนโต วินาสนโต วิรติปีติ อาห “วิรติปิ เจตนาปิ วฏฺฏตีติ. วิรมนฺติ เอตายาติ เวรมณิ, เวรํ วา ปาณาติปาตาทิปญฺจวิธํ มณติ วินาเสตีติ เวรมณิ, สมฺมาวาจาทิวิรติ เจตนา วา อารติ วิรตีติอาทินาติ วิภชนาการนิทสฺสนํ.+@อุบาสก B  ถูกแล้ว หากพูดถึงเฉพาะ สมาทานวิรัติ ย่อมมุ่งหมายเอาเฉพาะวิรตีเจตสิก, แต่เมื่อพูดถึงตัวศีล,ตัวสิกขาบท ก็ได้สภาวะตามที่ปรากฏในสิกขาบทวิภังค์ อนึ่ง คำว่า เวรมณี ตามที่ปรากฏในขุททกปาฐะ ได้แก่ วิรตี เพราะมุ่งถึง สมาทานวิรัติ แต่ในที่อื่น ได้องค์ธรรมคือเจตนาด้วย ดังที่ท่านกล่าวรูปวิเคราะห์และขยายความว่า วิรมติ เอตายาติ เวรมณี วิรติ วุจฺจติ. สา มุสาวาทโต วิรมณสฺส การณภาวโต เจตนาปิ เวรสฺส มณนโต วินาสนโต วิรติปีติ อาห “วิรติปิ เจตนาปิ วฏฺฏตีติ. วิรมนฺติ เอตายาติ เวรมณิ, เวรํ วา ปาณาติปาตาทิปญฺจวิธํ มณติ วินาเสตีติ เวรมณิ, สมฺมาวาจาทิวิรติ เจตนา วา อารติ วิรตีติอาทินาติ วิภชนาการนิทสฺสนํ.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 {{ :playground:screenshot_2025-03-06-11-18-48-133_com.facebook.katana.jpg?400 |}} {{ :playground:screenshot_2025-03-06-11-18-48-133_com.facebook.katana.jpg?400 |}}
บรรทัด 155: บรรทัด 149:
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
-Charan Buddhappiya กราบเรียนว่า ที่ผมจะสื่อคือ เวรมณี สิกฺขาปทํ ทั้งในขุทฺทกปาฐะ และวิภังค์ คือ สัมปัตตวิรตี ครับ, ส่วนตัวสมาทานวิรตี คือ สมาทิยามิ ในขุททกปาฐะ, ส่วน เจตนาสมาทานที่เป็นสีลกรรม กล่าวไว้ในอรรถกถาธรรมบท ก็สงเคราห์เข้ากับสมาทิยามิ (แต่เวลาแปล ควรแปล "ถือเอา" เพราะอรรถกถาแค่อธิบายกรรมวิสุํหรือไม่วิสุํเฉยๆ ไม่ได้จะให้แปลว่าสมาทิยามิว่าเจตนา). ส่วน เจตนา ในวิภังค์ อันนั้น คือ เจตนาในสัมปัตตวิรตี คือ เวรมณี สิกฺขาปทํ นั่นเอง (บาลีตรงนั้น ไม่มีศัพท์ว่า สมาทิยามิ).+@พระอาจารย์ C  กราบเรียนว่า ที่ผมจะสื่อคือ เวรมณี สิกฺขาปทํ ทั้งในขุทฺทกปาฐะ และวิภังค์ คือ สัมปัตตวิรตี ครับ, ส่วนตัวสมาทานวิรตี คือ สมาทิยามิ ในขุททกปาฐะ, ส่วน เจตนาสมาทานที่เป็นสีลกรรม กล่าวไว้ในอรรถกถาธรรมบท ก็สงเคราห์เข้ากับสมาทิยามิ (แต่เวลาแปล ควรแปล "ถือเอา" เพราะอรรถกถาแค่อธิบายกรรมวิสุํหรือไม่วิสุํเฉยๆ ไม่ได้จะให้แปลว่าสมาทิยามิว่าเจตนา). ส่วน เจตนา ในวิภังค์ อันนั้น คือ เจตนาในสัมปัตตวิรตี คือ เวรมณี สิกฺขาปทํ นั่นเอง (บาลีตรงนั้น ไม่มีศัพท์ว่า สมาทิยามิ).
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ในขุททกปาฐะ เวรมณิสิกฺขาปทํ หรือ วิรมณิสิกฺขาปทํ, องค์ธรรมของ เวรมณี ท่านก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วในอรรถกถาว่าหมายถึง วิรตี เพราะวิรตีเป็นประธานในการงดเว้น, และเฉพาะข้อความนี้ มีคำว่า สมาทิยามิ จึงหมายถึง สมาทานวิรัติเท่านั้น มิใช่สัมปัตตวิรัติและสมุจเฉทวิรัติ คำสมาทานมิใช่เฉพาะคำว่า สมาทิยามิ เท่านั้น แม้คำอื่นๆที่สื่อถึงความคิดจะงดเว้นก็ใช้ได้เช่น "อชฺชตคฺเค ชีวิตเหตุปิ ปาณํ น หนามีติ วา "ปาณาติปาตา วิรมามีติ วา "เวรมณึ สมาทิยามีติ วา เอว สิกฺขาปทานิ คณฺหนฺตสฺส ปน วิรติ สมาทานวิรติ เวทิตพฺพา.+@อุบาสก B  ในขุททกปาฐะ เวรมณิสิกฺขาปทํ หรือ วิรมณิสิกฺขาปทํ, องค์ธรรมของ เวรมณี ท่านก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วในอรรถกถาว่าหมายถึง วิรตี เพราะวิรตีเป็นประธานในการงดเว้น, และเฉพาะข้อความนี้ มีคำว่า สมาทิยามิ จึงหมายถึง สมาทานวิรัติเท่านั้น มิใช่สัมปัตตวิรัติและสมุจเฉทวิรัติ คำสมาทานมิใช่เฉพาะคำว่า สมาทิยามิ เท่านั้น แม้คำอื่นๆที่สื่อถึงความคิดจะงดเว้นก็ใช้ได้เช่น "อชฺชตคฺเค ชีวิตเหตุปิ ปาณํ น หนามีติ วา "ปาณาติปาตา วิรมามีติ วา "เวรมณึ สมาทิยามีติ วา เอว สิกฺขาปทานิ คณฺหนฺตสฺส ปน วิรติ สมาทานวิรติ เวทิตพฺพา.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>พยญฺชนโต,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]] [[sutta>พยญฺชนโต,ขุทฺทกปาฐ-อฏฺฐกถายํ(th.r.82.13.0.14)]]
บรรทัด 174: บรรทัด 168:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>เวรมณี นาม,สีลกฺขนฺธวคฺค-อฏฺฐกถายํ(th.r.67.272)]] [[sutta>เวรมณี นาม,สีลกฺขนฺธวคฺค-อฏฺฐกถายํ(th.r.67.272)]]
บรรทัด 182: บรรทัด 176:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol เวรมณี ในบางแห่ง หมายถึง เจตนา เช่นในเรื่องกุศลกรรมบถ ๑๐ นี้ว่า ทส กุสลกมฺมปถา- ปาณาติปาตา เวรมณี; อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี; มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺฐิ. เวรมณี ๗ ข้อต้น หมายถึง เจตนา ก็ได้ ดังคำว่า ยสฺมา ปน ตํตํเวรโต วิรมเณ วิรติ ปธานา โหติ , ตสฺมา สพฺพตฺถ เวรมณี นาม วิรตีติ วุตฺตา. เจตนาปิ ปน เวรมณี นาม. เตเนว สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ เอเตสุปิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปีติ วุตฺตํ.+@อุบาสก B  เวรมณี ในบางแห่ง หมายถึง เจตนา เช่นในเรื่องกุศลกรรมบถ ๑๐ นี้ว่า ทส กุสลกมฺมปถา- ปาณาติปาตา เวรมณี; อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี; มุสาวาทา เวรมณี, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺฐิ. เวรมณี ๗ ข้อต้น หมายถึง เจตนา ก็ได้ ดังคำว่า ยสฺมา ปน ตํตํเวรโต วิรมเณ วิรติ ปธานา โหติ , ตสฺมา สพฺพตฺถ เวรมณี นาม วิรตีติ วุตฺตา. เจตนาปิ ปน เวรมณี นาม. เตเนว สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ เอเตสุปิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปีติ วุตฺตํ.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>กุสลกมฺมปถา,ปาถิกวคฺค(th.r.8.223.0.1)]] [[sutta>กุสลกมฺมปถา,ปาถิกวคฺค(th.r.8.223.0.1)]]
บรรทัด 196: บรรทัด 190:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ(th.r.541.142)]] [[sutta>สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ(th.r.541.142)]]
บรรทัด 204: บรรทัด 198:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ในสิกขาบทวิภังค์ หัวข้อก็บอกอยู่แล้วว่า กล่าวถึงสิกขาบท จึงกินความได้กว้าง ปญฺจ สิกฺขาปทานิ- ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปทํ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกขาปทํ.+@อุบาสก B  ในสิกขาบทวิภังค์ หัวข้อก็บอกอยู่แล้วว่า กล่าวถึงสิกขาบท จึงกินความได้กว้าง ปญฺจ สิกฺขาปทานิ- ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปทํ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกขาปทํ.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>วิภงฺเค(th.r.50.299.1.7)]] [[sutta>วิภงฺเค(th.r.50.299.1.7)]]
บรรทัด 218: บรรทัด 212:
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol Bonn Warapol สัมปัตตวิรัติ ก็ไม่เกี่ยวกับการสมาทาน เป็นไปด้วยกำลังหิริและโอตัปปะเป็นต้นที่ทำให้งดได้เฉพาะหน้า เป็นศีลโดยอัธยาศัยสั่งสม ดังคำว่า ตตฺถ ยา สิกฺขาปทานิ อสมาทิยิตฺวา วา สมาทินฺนานิปิวา ตานิ อนเปกฺขิตฺวา เกวลํ หิริโอตฺตปฺปพเลเนว สมฺปตฺตํ วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปนฺนา วิรติ. อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สัมปัตตวิรัติ คือ วิรัติที่เกิดขึ้นแก่ผู้ไม่ได้สมาทานสิกขาบท หรือไม่ใส่ใจต่อสิกขาบทที่สมาทานแล้ว ไม่ล่วงละเมิดอารมณ์ที่มาถึงด้วยอานุภาพของหิริโอตตัปปะ ปกติศีล,อาจารศีล,ธรรมตาศีล,ปุพพเหตุก ศีล ก็สงเคราะห์เข้าในสัมปัตตวิรัติ เพราะมีลักษณะไม่ล่วงละเมิด โดยเว้นจากการสมาทาน (ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ สิทฺโธ เหตุ เอตสฺสาติ ปุพฺพเหตุกสีลํ. อิทํ ปน ปกติสีลาทิ สมาทาเนน วินา อวีติกฺกมลกฺขณํ สมฺปตฺตวิรติสงฺคหํ ทฎฐพพํ.) เป็นศีลโดย อัธยาศัย เว้นจากการสมาทาน งดล่วงละเมิดอารมณ์ปัจจุบันนั้นได้ เพราะกำลัง ของหิริ,โอตตัปปะ,กรุณา,เมตตา...+@อุบาสก B  ==อุบาสก B:==  สัมปัตตวิรัติ ก็ไม่เกี่ยวกับการสมาทาน เป็นไปด้วยกำลังหิริและโอตัปปะเป็นต้นที่ทำให้งดได้เฉพาะหน้า เป็นศีลโดยอัธยาศัยสั่งสม ดังคำว่า ตตฺถ ยา สิกฺขาปทานิ อสมาทิยิตฺวา วา สมาทินฺนานิปิวา ตานิ อนเปกฺขิตฺวา เกวลํ หิริโอตฺตปฺปพเลเนว สมฺปตฺตํ วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปนฺนา วิรติ. อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สัมปัตตวิรัติ คือ วิรัติที่เกิดขึ้นแก่ผู้ไม่ได้สมาทานสิกขาบท หรือไม่ใส่ใจต่อสิกขาบทที่สมาทานแล้ว ไม่ล่วงละเมิดอารมณ์ที่มาถึงด้วยอานุภาพของหิริโอตตัปปะ ปกติศีล,อาจารศีล,ธรรมตาศีล,ปุพพเหตุก ศีล ก็สงเคราะห์เข้าในสัมปัตตวิรัติ เพราะมีลักษณะไม่ล่วงละเมิด โดยเว้นจากการสมาทาน (ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ สิทฺโธ เหตุ เอตสฺสาติ ปุพฺพเหตุกสีลํ. อิทํ ปน ปกติสีลาทิ สมาทาเนน วินา อวีติกฺกมลกฺขณํ สมฺปตฺตวิรติสงฺคหํ ทฎฐพพํ.) เป็นศีลโดย อัธยาศัย เว้นจากการสมาทาน งดล่วงละเมิดอารมณ์ปัจจุบันนั้นได้ เพราะกำลัง ของหิริ,โอตตัปปะ,กรุณา,เมตตา...
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
 [[sutta>สมฺปตฺตวิรติสงฺคหํ(th.r.152.37)]] [[sutta>สมฺปตฺตวิรติสงฺคหํ(th.r.152.37)]]
บรรทัด 230: บรรทัด 224:
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
-Charan Buddhappiya 1. ถ้าบอกว่า เวรมณิสิกฺขาปทํ ในขุททกปาฐะ เป็นสมาทานวิรัติ ก็จะกลายเป็น "สมาทานในอดีตเพื่อจะให้เกิดสมาทานในปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุ (คือ วิรตีไม่เคยสัมปัตตะเลย)" แทนที่จะเป็น "สมาทานในอดีตเพื่อจะให้เกิดวิรตีในปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุ" เพราะเวรมณิสิกฺขาปทํ เป็นกมฺมตฺเถ ทุติยา ของ อหํ สมาทิยามิ หมายความว่า สมาทานให้เกิดสัมปัตตวิรัตเมื่อปัจจุบันอารมณ์มาถึง (แต่ตอนสมาทานอาจจะยังไม่มาถึงก็ๆด้). ฉะนั้น เวรมณี ทั้งในขุททกปาฐะ และ วิภังค์ เป็นสัมปัตตวิรัต อย่างเดียวครับ, ส่วนสมาทิยามิ เป็นสมาทานวิรัติ เพราะมีอารมณ์เดียวกับเวรมณี และออกจากปาณาติปาตาเช่นกัน (เวรมณี วาระจิตจะอารัพภะแค่ปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุเท่านั้น เพราะจิตเจตสิกมีกำลังเกิดเองได้ ตามที่พระอาจารย์ยกฏีกามา, ส่วนสมาทิยามิ วาระจิตจะสลับอารัพภะทั้งวิรมิตัพพวัตถุ, ปาณาติปาตาจิต, และวิรมณิจิต เพราะเป็นขั้นฝึกฝน). 2. ส่วนที่พระอาจารย์ยกสัมมาทิฏฐิสูตรมานั้น พระบาลีคือ ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ (อภิสงฺขาโร) เพราะองค์ธรรมคือ อภิสังขาโร ในปฏิจจสมุปบาทที่แสดงไว้ในสูตรนั้น ท่านจึงอธิบายว่า เวรมณี กุสลํ หมายถึง เจตนา. ซึ่งเจตนาในสัมมาทิฏฐินี้ เป็นสมุจเฉวิรัติ ไม่เหมือนกับในขุททกปาฐะและสิกขาปทวิภังค์ จึงไม่ควรเอามาปะปนกัน องค์ธรรมไม่เสมอกันครับ. 3. ในขุททกปาฐะ บุคคลสมาทานเอาสัมปัตตวิรัติ ครับ เกี่ยวกันตรงนี้ เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ. ส่วน ปุพพเหตุกศีล เป็นต้น ท่านใช้คำว่า สงเคราะห์ เพราะปกติสัมปัตตวิรตีของคนพวกนี้เขาไม่เกิดครับ เพราะฝึกสัมมาสังกัปปะมาในอดีตพอแล้ว.+@พระอาจารย์ C  1. ถ้าบอกว่า เวรมณิสิกฺขาปทํ ในขุททกปาฐะ เป็นสมาทานวิรัติ ก็จะกลายเป็น "สมาทานในอดีตเพื่อจะให้เกิดสมาทานในปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุ (คือ วิรตีไม่เคยสัมปัตตะเลย)" แทนที่จะเป็น "สมาทานในอดีตเพื่อจะให้เกิดวิรตีในปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุ" เพราะเวรมณิสิกฺขาปทํ เป็นกมฺมตฺเถ ทุติยา ของ อหํ สมาทิยามิ หมายความว่า สมาทานให้เกิดสัมปัตตวิรัตเมื่อปัจจุบันอารมณ์มาถึง (แต่ตอนสมาทานอาจจะยังไม่มาถึงก็ๆด้). ฉะนั้น เวรมณี ทั้งในขุททกปาฐะ และ วิภังค์ เป็นสัมปัตตวิรัต อย่างเดียวครับ, ส่วนสมาทิยามิ เป็นสมาทานวิรัติ เพราะมีอารมณ์เดียวกับเวรมณี และออกจากปาณาติปาตาเช่นกัน (เวรมณี วาระจิตจะอารัพภะแค่ปัจจุปบันวิรมิตัพพวัตถุเท่านั้น เพราะจิตเจตสิกมีกำลังเกิดเองได้ ตามที่พระอาจารย์ยกฏีกามา, ส่วนสมาทิยามิ วาระจิตจะสลับอารัพภะทั้งวิรมิตัพพวัตถุ, ปาณาติปาตาจิต, และวิรมณิจิต เพราะเป็นขั้นฝึกฝน). 2. ส่วนที่พระอาจารย์ยกสัมมาทิฏฐิสูตรมานั้น พระบาลีคือ ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ (อภิสงฺขาโร) เพราะองค์ธรรมคือ อภิสังขาโร ในปฏิจจสมุปบาทที่แสดงไว้ในสูตรนั้น ท่านจึงอธิบายว่า เวรมณี กุสลํ หมายถึง เจตนา. ซึ่งเจตนาในสัมมาทิฏฐินี้ เป็นสมุจเฉวิรัติ ไม่เหมือนกับในขุททกปาฐะและสิกขาปทวิภังค์ จึงไม่ควรเอามาปะปนกัน องค์ธรรมไม่เสมอกันครับ. 3. ในขุททกปาฐะ บุคคลสมาทานเอาสัมปัตตวิรัติ ครับ เกี่ยวกันตรงนี้ เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ. ส่วน ปุพพเหตุกศีล เป็นต้น ท่านใช้คำว่า สงเคราะห์ เพราะปกติสัมปัตตวิรตีของคนพวกนี้เขาไม่เกิดครับ เพราะฝึกสัมมาสังกัปปะมาในอดีตพอแล้ว.
  
 ----------------- -----------------
  
-Noppakun Kuthong+อุบาสก N: 
  
-Bonn Warapol ช่วยอธิบายเพิ่มอีกซักหน่อยได้ไหมครับ+อุบาสก B ช่วยอธิบายเพิ่มอีกซักหน่อยได้ไหมครับ
  
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol+==อุบาสก B:== 
  
-Noppakun Kuthong คำอธิบายโดนเฟซบุ้คซ่อนอยู่ครับ กดที่ "ดูตอบกลับก่อนหน้า" ครับ.+อุบาสก N:  คำอธิบายโดนเฟซบุ้คซ่อนอยู่ครับ กดที่ "ดูตอบกลับก่อนหน้า" ครับ.
  
 ----------------- -----------------
  
-Charan Buddhappiya+==พระอาจารย์ C:== 
  
-Bonn Warapol ขอหลักฐานเป็นตัวบาลีหน่อย เวรมณี หมายถึงสัมปัตตวิรัติ และสัมปัตตวิรัติองค์คืออะไร, และข้อหลักฐานเจตนาในสัมมาทิฏฐิสูตรเป็นสมุจเฉทวิรัติ, สมุจเฉทวิรัติ องค์ธรรมคืออะไร+@อุบาสก B  ขอหลักฐานเป็นตัวบาลีหน่อย เวรมณี หมายถึงสัมปัตตวิรัติ และสัมปัตตวิรัติองค์คืออะไร, และข้อหลักฐานเจตนาในสัมมาทิฏฐิสูตรเป็นสมุจเฉทวิรัติ, สมุจเฉทวิรัติ องค์ธรรมคืออะไร
  
 ----------------- -----------------
  
-Bonn Warapol เอามาจากไหน เจตนาในสัมมาทิฏฐิสูตรเป็นสมุจเฉทวิรัติ+==พระอาจารย์ C:==  
 + 
 +@อุบาสก B  เอามาจากไหน เจตนาในสัมมาทิฏฐิสูตรเป็นสมุจเฉทวิรัติ
  
 #ตถา หิ สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ โลกิยวิรตึ สนฺธาย ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณาเนว. วีติกฺกมิตพฺพวตถุโตเยว หิ เวรมณี นาม โหดีติ วุตฺตํ. #ตถา หิ สมฺมาทิฏฺฐิสุตฺตวณฺณนาทีสุ โลกิยวิรตึ สนฺธาย ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณาเนว. วีติกฺกมิตพฺพวตถุโตเยว หิ เวรมณี นาม โหดีติ วุตฺตํ.
  
 +------------
 +[[sutta>เวรมณิสิกฺขาปทํ(th.r.82.13.0.14)]]
 ------------ ------------
  
 +==พระอาจารย์ C:== 
  
----------- +@อุบาสก B  ตรงไหนคำว่า เวรมณี ในขุททกปาฐะท่านอธิบายว่าเป็น สัมปัตตวิรัติ
- +
-Bonn Warapol ตรงไหนคำว่า เวรมณี ในขุททกปาฐะท่านอธิบายว่าเป็น สัมปัตตวิรัติ+
  
 #อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส “ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา  #อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส “ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา